การดูแลรักษารถยนต์ เพราะคนส่วนใหญ่ใช้งานรถเพียงอย่างเดียว เพราะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการดูแลรักษารถเลย จึงทำให้อายุการใช้งานของรถนั้นสั้นกว่าที่ควรจะเป็น ความรู้อะไรบ้างที่คนรักรถจำเป็นที่จะต้องรู้ และไม่ควรให้คำร่ำลือเกี่ยวกับการดูแลรถแบบผิดๆ มาทำให้รถคุณจะพังก่อนกำหนด
เรื่องที่คนรักรถควรจะรู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถ
1. รถใหม่ทุกคัน ต้องรันอิน
อย่าไปเชื่อหากใครบอกคุณว่า รถรุ่นใหม่ยี่ห้อไหนก็ตามผลิตออกมาแล้วไม่ต้องรันอิน เพราะรถที่ผลิตออกมาใหม่ๆ ยังไม่ผ่านการใช้งานนั้น ต้องมีการใช้งานแบบเตรียมความพร้อมให้รถก่อนด้วยการรันอินทุกคน ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ การขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นความเร็วที่เหมาะสม ในช่วงรันอิน 1-1000 กิโลเมตรแรก และควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อกำจัดเศษสิ่งส่วนเกิน เป็นการชำระล้างก่อนครั้งหนึ่ง การรันอินนั้น เป็นการทดสอบตัวเครื่องด้วยว่า มีความบกพร่องอะไรจากการผลิตหรือไม่ และการขับช้าๆ ก็ทำให้ประหยัดค่าน้ำมันด้วย
2. เรื่องน้ำมันเครื่องที่คุณควรรู้
มีหลายคนนิยมเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพราะคิดว่าจะทำให้เครื่องยนต์สามารถใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งไม่จริงเลย และอาจทำให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานหนักขึ้นด้วยซ้ำ เพราะน้ำมันเครื่องที่หนืดเกินไป สิ่งที่พึงทำคือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง มีมาตรฐาน เพื่อยืดอายุการใช้งาน และควรหมั่นเช็คระดับของน้ำมันเครื่องหลังใช้รถทุกครั้ง โดยการดับเครื่องรถให้เครื่องเย็นเสียก่อน ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยเช็คระดับให้อยู่ในขีดปกติพร้อมใช้ในครั้งต่อไป
การตรวจเช็คระดับนี้ พร้อมกับเช็คตรวจสภาพของน้ำมันเครื่องว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนหรือยัง ไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหากยังใช้ได้อยู่ ระยะเวลาในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้น ไม่ถึงกับจำกัดแน่นอนว่า จะต้องเปลี่ยนทุกกี่พันกิโลเมตร แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องและการใช้รถยนต์ของคุณ ดังนั้น คุณอาจจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อใช้ไป 1-30000 กิโลเมตรก็เป็นได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือไม่ควรผสมน้ำมันเครื่องหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพราะการผสมนั้นอาจส่งผลให้คุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ผลิตมาแบบสมดุลเหมาะกับการใช้งานอยู่แล้ว เสื่อมคุณภาพไป
3. น้ำมันเบรกของรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญของรถ
เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบเบรก การห้ามล้ออย่างมีประสิทธิภาพ อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้หากระบบเบรกมีปัญหา ดังนั้น ควรเช็คน้ำมันเบรกสม่ำเสมอ เปลี่ยนเมื่อน้ำมันเบรกเปลี่ยนสภาพเป็นสีคล้ำขึ้น แต่ก็ควรสังเกตด้วยว่า หากน้ำมันเบรกมีการเปลี่ยนสีเร็วกว่ากำหนดประมาณ 6 เดือนนั้น อาจเป็นเพราะเหตุอื่น เช่น ความชื้น ไม่ใช่เพราะน้ำมันเบรกหมดอายุ
4. ไส้กรองอากาศของรถต้องได้รับการดูแล
ไส้กรองอากาศ เปรียบเสมือนปอดของรถ เพราะช่วยดักเก็บพวกฝุ่นละอองจากอากาศที่เข้าไปในเครื่องยนต์ ไส้กรองอากาศที่ไม่สะอาด มีผลทำให้เครื่องยนต์ติดขัดได้ เครื่องกระตุก เครื่องสั่น ทำให้รถเคลื่อนไม่ราบรื่น อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดควันเสีย การเปลี่ยนไส้กรองอากาศจึงควรทำอย่างสม่ำเสมอ การเช็ครถเป็นประจำจะช่วยให้คุณเห็นสภาพที่แท้จริง หรือประมาณการเปลี่ยนอยู่ที่ระยะทาง ทุกๆ 20,000 กิโลเมตรก็ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยชนิด เปลี่ยนทุกครั้งพร้อมน้ำมันเครื่อง และไม่ควรคิดง่ายๆ ว่า ไส้กรองอากาศสามารถทำความสะอาดด้วยการเป่าลมก็ใช้ได้ต่อ นั่นก็จะเป็นการประหยัดที่มีผลเสียโดยใช่เหตุ
5. ตรวจเช็คสภาพห้องเครื่องรถยนต์ทุกครั้งก่อนเดินทาง
โดยเฉพาะการเดินทางไกลยิ่งต้องเช็คอย่างละเอียด เพราะบางทีอุบัติเหตุใหญ่ๆ เกิดจากข้อบกพร่องเล็กๆ ของเครื่องยนต์เท่านั้น เช่น สายไฟชำรุด น้ำมันรั่ว ข้อต่อมีรอยซึม แล้วเช็คมาถึงภายนอก เช่น ไฟ ที่ปัดน้ำฝน ล้อรถ ลมยาง
6. การตั้งศูนย์ล้อ
ควรทำทุกล้อ พร้อมกันยิ่งดี เพราะล้อรถยนต์คือตัวทำให้รถมีสมดุล ศูนย์ถ่วงเบี้ยวเอียงแค่นิดเดียว ทำให้รถเคลื่อนไม่สมดุล การประคองทิศทางของรถเป๋ได้ รวมถึงการพลิกคว่ำของรถก็เกิดจากเหตุตั้งศูนย์ล้อไม่สมดุล หรือ ทำเพียงล้อหน้า หรือล้อหลัง
7. การดูแลแอร์รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานนานๆ
ต้องปิดคอมเพรสเซอร์ ก่อนดับเครื่องยนต์ บ้านเมืองเราเป็นเมืองร้อน เราจึงเปิดแอร์ตลอดเวลา บางครั้งต้องเร่งความเย็นด้วย นั่นยิ่งทำให้ระบบของตู้แอร์รถยนต์มีความชื้นอยู่มาก ฉะนั้น ทางปฏิบัติที่ถูกต้องจึงควรปิดแอร์ก่อนดับเครื่องสัก 5 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อลดความชื้น ไม่ให้ตู้แอร์กลายเป็นที่เก็บฝุ่นสะสม ไม่เช่นนั้นในการใช้แอร์ครั้งต่อๆ ไป จะมีปัญหาเพราะฝุ่นไปอุดตัน อีกทั้งความชื้นนั้นยังเป็นตัวทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น เหม็นเข้ามาในรถอีกด้วย
8. น้ำยาหล่อเย็น
น้ำยาที่เติมในหม้อน้ำมีประโยชน์เรื่องควบคุมอุณหภูมิและลดตะกอน จึงควรจะรักษาหม้อน้ำด้วยน้ำยาหล่อเย็น โดยการใช้ให้ถูกต้องตามสัดส่วน อย่าเชื่อตามคำบอกเล่าต่อๆ มาที่เกิดจากการเข้าใจผิดว่า การเติมน้ำยาหล่อเย็นเป็นเหตุให้หม้อน้ำรั่ว เพราะการรั่วของหม้อน้ำนั้น ไม่ได้เกิดจากน้ำยาหล่อเย็น แต่เกิดจากสาเหตุการที่ระบบหล่อเย็นของรถขาดการบำรุง หรือการใช้น้ำที่มีค่า ph เป็นกรดหรือด่างมากเกินไป
เพื่อยืดอายุการใช้งานรถของคุณๆ ควรศึกษาระบบการดูแลรักษารถยนต์ให้ถูกต้อง และปฏิบัติสม่ำเสมอ จะได้ใช้รถได้นานๆ
เรียบเรียงโดย:168automotive
