ทุกวันในการใช้รถสิ่งแรกที่เราจะเห็นเป็นอันดับแรก คือ สัญญาณไฟเตือนที่หน้าปัดรถยนต์ของเรา เมื่อสตาร์ทรถเราก็จะเห็นไฟต่างๆ แสดงขึ้นมาซึ่งเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบข้อบกพร่องในรถยนต์หรือเครื่องยนต์ และแจ้งเตือนให้เราทราบว่า ณ ขนาดนั้นรถเรามีปัญหาอะไร ซึ่งจะดีขนาดไหนหากเรารู้ถึงความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ ทั้งนี้สัญลักษณ์ต่างๆ มีการแบ่งประเภท และความร้ายแรงด้วยสีของสัญญาณเตือน
โดยแบ่งได้ 4 ประเภทดังนี้
- สัญญาณเตือนสีเขียว หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่
- สัญญาณเตือนสีน้ำเงิน หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ แต่ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน (เช่น การเปิดไฟสูง)
- สัญญาณเตือนสีเหลือง หมายถึง การเตือนให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่
- สัญญาณเตือนสีแดง หมายถึง ให้ตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานเพื่อความปลอดภัย
ความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ
- ไฟตัดหมอกด้านหน้า
- ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (มีการทำงานผิดพลาด)
- ไฟตัดหมอกด้านหลัง
- ระดับน้ำล้างกระจกอยู่ในระดับต่ำ
- ผ้าเบรกมีปัญหา
- ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่
- สัญญาณไฟเลี้ยว ซ้าย-ขวา
- ระบบตรวจจับน้ำฝน และแสงมีปัญหา
- ระบบความเย็น
- แสดงผลข้อมูลทั่วไป
- แจ้งเตือนความร้อนระบบเครื่องยนต์ดีเซล
- มีหิมะที่พื้นผิวถนน
- แจ้งเตือนสวิตช์สตาร์ทเกิดการผิดพลาด
- แจ้งเตือนกุญแจไม่ได้อยู่ในรถ
- แบตเตอรี่ของกุญแจมีพลังงานต่ำ
- แจ้งเตือนระยะห่างของรถคันหน้า
- แรงดันน้ำมันคลัทช์
- แรงดันน้ำมันเบรก
- แจ้งเตือนพวกมาลัยล็อก
- เปิดไฟสูง
- แจ้งเตือนความดันลมยางอ่อน
- ไฟด้านข้างถูกใช้งาน
- สัญญาณไฟภายนอกปัญหา
- สัญญาณไฟเบรกมีปัญหา
- แจ้งเตือนตัวกรองน้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซลมีปัญหา
- เตือนการเชื่อมต่อของสายพ่วง
- เตือนระบบการป้องกันการสะเทือนมีปัญหา
- รักษาระยะห่างการใช้ทางจราจร
- เตือนการบำบัดไอเสียผิดปกติ
- เตือนเข็มขัดนิรภัย
- ระบบเบรกระหว่างจอดรถเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล
- แจ้งเตือนพลังงานของแบตเตอรี่
- ระบบจอดรถอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนตรวจเช็คสภาพรถ
- ระบบปรับแสงไฟหน้าอัตโนมัติ
- ปรับระดับไฟหน้ารถ
- แจ้งเตือนสปอยเลอร์ด้านหลังมีปัญหา
- ระบบเปิดหลังคาอัตโนมัติ
- ระบบเตือนถุงลมนิรภัย
- แจ้งเตือนเบรกมือ
- มีน้ำเข้ามาเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิง (รีบแก้ไขโดยด่วน)
- ปิดการทำงานของถุงลมนิรภัย
- ควรตรวจสภาพรถ
- เปิดไฟขอทาง
- กรองอากาศสกปรก
- โหมดประหยัดพลังงาน
- ระบบควบคุมรถขณะลงเขา
- ระบบเตือนความร้อนของหม้อน้ำ
- ระบบเบรก ABS
- ตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน
- ประตูรถเปิดอยู่
- ฝากระโปรงหน้าเปิดอยู่
- น้ำมันเชื้อเพลิงเหลือน้อย
- เตือนระบบเกียร์อัตโนมัติ
- จำกัดความเร็วทำงาน
- ระบบกันสะเทือนผิดปกติ
- แจ้งเตือนความดันน้ำมันเครื่องต่ำ
- ระบบไล่ฝ้าที่กระจกทำงาน
- กระโปรงท้ายรถเปิดใช้งานอยู่
- ระบบควบคุมการทรงตัวของรถยนต์
- เซ็นเซอร์ระบบน้ำฝนถูกใช้งาน
- แจ้งเตือนเครื่องยนต์ขัดข้อง
- ระบบไล่ฝ้ากระจกด้านหลัง
- ที่ปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หากมีสัญญาณไฟแจ้งเตือนสีแดง ที่จะส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และเป็นอันตรายต่อรถของคุณ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขปัญหาในทันที
เรียบเรียงโดย : 168Automotive.