Mercedes-Benz เปิดตัวที่สุดแห่งยนตรกรรมซาลูนอัจฉริยะ MERCEDES-BENZ C-Class 2019
รุ่นประกอบในประเทศเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ได้รับการออกแบบดีไซน์ใหม่หมดทั้งภายนอกและภายใน โดยเน้นที่รูปลักษณ์ด้านหน้า ไฟหน้าและไฟท้าย รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ของ The C-Class ซึ่ง New Mercedes-Benz C-Class มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถยนต์ตระกูล The S-Class เพื่อยกระดับความปลอดภัยเชิงรุกของรถให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมความสามารถในการขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติได้ในบางสถานการณ์อีกด้วย
ราคา MERCEDES-BENZ C 220d ตาราง ผ่อน/ดาวน์
The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศที่ปรับโฉมใหม่
เป็นการผสมผสานคุณสมบัติอัจฉริยะ และความเร้าใจเข้าด้วยกัน ซึ่งรูปลักษณ์ใหม่นี้ มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก
- The C 220 d Avantgarde ใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
- The C 220 d Exclusive เป็นกระจังหน้าแบบคลาสสิค พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เหนือฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยแบบ multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว
- The C 220 d AMG Dynamic ที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบ diamond grille ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ กันชนหน้าหลัง และสเกิร์ตข้างที่ดีไซน์แบบสปอร์ต AMG Bodystyling โคมไฟหน้าหลังแบบใหม่ พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นรูปลักษณ์ และความรู้สึก รวมถึงการใช้ไฟหน้าแบบ LED High Performance ในรุ่น The C 220 d Avantgarde และเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
- รุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic มาพร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam เป็นครั้งแรกในรถยนต์ The C-Class ซึ่งไฟหน้านี้ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย
ทั้งนี้ ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติ หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถ โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร
นอกจากนี้ในรุ่น The C 220 d AMG Dynamic ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย
ดีไซน์ภายในและห้องโดยสาร ถูกออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต และมีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว โดยรุ่น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
- The C 220 d Avantgarde จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
ในขณะที่ The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic จะใช้พวงมาลัยที่มาพร้อมระบบพาวเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ - ซึ่งในรุ่น The C 220 d AMG Dynamic เพิ่มพวงมาลัยที่มาพร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชัน ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
- โดยรุ่น The C 220 d Avantgarde และ The C 220 d Exclusive ใช้เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO และ The C 220 d AMG Dynamic ใช้เบาะหุ้มหนังแบบสปอร์ต โดยเบาะด้านหลังของทุกรุ่นยังสามารถพับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3 อีกด้วย ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start)
- ในขณะที่รุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic จะมีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย
ระบบ All-Digital instrument display
นอกจากนั้น The new C-Class ยังได้นำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจากรถยนต์ The S-Class โดยมีระบบ All-Digital instrument display ที่ทำให้หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลของรุ่น The C 200 d AMG Dynamic มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sport
ส่วน The new C-Class ยังมาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apple CarPlay™ ระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ หรือระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ในรุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic เป็นต้น
ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และในรุ่น The C 220 d Exclusive ยังได้ติดตั้งฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) ที่ช่วยฟอกอากาศพร้อมปรับอากาศให้มีกลิ่นหอมด้วยน้ำหอมชนิดเดียวกับในรถยนต์ The S-Class เพื่อยกระดับความสบายในการโดยสารขั้นสูงสุด
สำหรับขุมพลังทั้ง 3 รุ่น
ใช้บล็อกเดียวกันคือ ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง 1,950 ซีซี เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 143 (194) แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.
ระบบเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย
ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดสำหรับตระกูล The C-Class ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้ในรถยนต์ The S-Class อาทิ
- ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system-ABS)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system)
- ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator)
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
- มั่นใจยามขับทางไกลด้วยระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
- ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort
- ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
นอกจากนั้นยังมีระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ที่เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG Dynamic
ระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะในรุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic
และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) ที่มีเฉพาะในรุ่น The C 220 d Avantgarde และ The C 220 d Exclusive ด้วย
เรียบเรียงโดย : 168Automotive