ค่ายใหญ่อย่าง Kawasaki เปิดตัวรถจักรยายนต์บิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่งแนวแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุด
ได้เปลี่ยนโฉมไปจากรูปเดิมกับ All new kawasaki Versys 10000 ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หน้าตาไปหลายจุด รวมถึงใส่ความทันสมัยให้เหมาะกับผู้ขับขี่สมัยใหม่เพิ่มมากขึ้น จากการห่างหายการเปลี่ยนโฉมไปกว่า 4 ปี แปลงโฉมใหม่ครั้งนี้ถูกใจสายทัวร์ริ่งไปเลย
Kawasaki Versys 1000 SE 2019 จะมีอุปกรณ์เพิ่มเติมมาให้เล่นเยอะคือ KECS (Kawasaki Electronic Control Suspension) ที่ติดตั้งในตัวเจ้า Kawasaki Ninja ZX-10 R SE เมื่อปี 2018 ระบบ KQS (Kawasaki Quick Shifter) ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าคืออะไร และ ไฟ LED ส่องสว่าง 2 ข้างติดตั้งมาให้อยู่ใต้แฟริ่ง การ์ดหม้อน้ำ กันล้มที่ล้อหน้า กระเป๋า นี้คือข้อแตกต่างระหว่างรุ่น std และ รุ่นพิเศษ se
Kawasaki Versys 1000 SE 2019 ราคา 729,000 บาท
ข้อมูลสเปค Kawasaki Versys 1000 SE 2019
ระบบช่วงล่างไฟฟ้า KECS
ในรถจักรยานยนต์ Kawasaki Versys 1000 รุ่น SE นั้น จะมาพร้อมกับช่วงล่างปรับได้ด้วยไฟฟ้า แบบเดียวกับ Ninja ZX-10R SE เลยทีเดียว โดยเจ้าระบบ KECS นี้จะทำการปรับเปลี่ยนการทำงานตลอดการขับขี่ตามสภาพถนนที่ขับขี่อยู่ ซึ่งเจ้าช่วงล่างนี้นอกจากสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของช่วงล่างได้ด้วยไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเซ็ตอัพช่วงล่างให้เหมาะกับการบรรทุกได้อีก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
– ผู้ขับขี่คนเดียว
– ผู้ขับขี่คนเดียว + สัมภาระ
– ผู้ขับขี่กับคนซ้อน + สัมภาระ
ระบบควบคุมรถในโค้ง KCMF
ระบบควบคุมรถในโค้ง หรือ Kawasaki Cornering Management Function เป็นส่วนที่ทำให้ตัวรถคันนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยตัวรถได้ทำการติดตั้งเซ็นเซอร์ IMU จาก Bosch ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจจับการเอียงของรถ โดยจะวัดองศาการเอียงของรถตั้งแต่เข้าโค้งจนเปิดคันเร่งออกจากโค้ง โดยตัวเซ็นเซอร์นี้จะส่งสัญญาณไปยังกล่องควบคุมว่าในขณะขับขี่นี้ได้เปิดคันเร่งเพียงพอหรือมากเกินความปลอดภัยหรือไม่, ควบคุมกรณีเบรคในโค้งไม่ให้เกิดความรุนแรงอันส่งผลไปสู่อุบัติเหตุ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นออปชั่นที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
ควิกชิพเตอร์ KQS
ใน Versys 1000 โฉมใหม่นี้ เสริมความสปอร์ตเข้าไปอีกขั้นหนึ่งด้วยระบบ KQS หรือควิกชิพเตอร์ เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัช ทำให้การขับขี่รถนั้นง่ายขึ้นกว่าเดิมเข้าไป
ไฟส่องนำทางในโค้ง LED Cornering Lights
โหมดขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Sport, Road, Rain, Rider (manual) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT โดยสามารถนำโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับตัวรถผ่านแอป “RIDEOLOGY THE APP”
ข้อมูลทางเทคนิค
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,043 ซีซี |
กำลังสูงสุด | 120 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 102 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที |
ความเร็วสูงสุด | มากกว่า 200 กม/ชม. |
อัตราสิ้นเปลืองต่อ 100 กม. | 5.5 ลิตร (บนมาตรฐาน WMTC) |
มิติรถ / น้ำหนัก
กว้าง x ยาว x สูง | 950 x 2,270 x 1,490 มม. |
คาวมสูงเบาะ | 840 มม. |
ความสูงจากพื้น | 150 มมใ |
น้ำหนักตัวพร้อมใช้งาน (น้ำมันเต็มถัง) | 257 กิโลกรัม |
ความจุถังน้ำมัน | 21 ลิตร |
ถังน้ำมันสำรอง | 3.5 ลิตร |
เฟรม / ช่วงล่าง
เฟรม | ท่ออลูมิเนียมคู่ |
โช๊คหน้า | USD ขนาดแกน 43 มม. ระยะยุบ 150 มม. พร้อมระบบปรับแต่งด้วยไฟฟ้า |
โช๊คหลัง | โช๊คหลังสปริงเดี่ยวระยะยุบ 152 มม. พร้อมระบบปรับแต่งด้วยไฟฟ้า |
ระยะฐานล้อ | 1,520 มม. |
ล้อ | ล้อแม็กอลูมิเนียม |
เบรคหน้า | ดิสเบรคคู่ ขนาด 310 มม. พร้อมปั้มเบรค 4 พอต |
เบรคหลัง | ดิสเบรคเดี่ยว ขนาด 250 มม. พร้อมปั้มเบรค 1 พอต |
สำหรับสีที่ได้เปิดตัวออกมานั้นมีทั้งหมด 4 สีด้วยกัน ได้แก่สีเขียว, สีดำ, สีขาว และสีส้ม
เรียบเรียงโดย:168automotive